นโยบายด้านสิทธิมนุษยชน        
 
          บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนโดยยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ตามหลักบรรษัทภิบาลและจรรยาบรรณบริษัทฯพร้อมทั้งมีความตระหนักและให้ความสำคัญกับการเคารพต่อสิทธิมนุษยชน ตามกฎหมายและหลักสากลอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีการกระทำใดๆ ที่จะก่อให้เกิดการละเมิดหรือสร้างผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ คณะกรรมการบริหารจึงเห็นสมควรให้กำหนดนโยบายด้านสิทธิมุษยชนไว้ดังนี้
  1. คณะกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานบริษัทฯ ให้ความเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบหลักปฏิบัติ ปฏิญญาสากล สนธิสัญญา และมาตรฐานแรงงานสากล ที่เกี่ยวข้องและให้การปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งของประเทศไทยและระหว่างประเทศ
  2. นำหลักการในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights :UDHR), หลักปฏิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยการดำเนินธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations GuidingPrinciples on Business and Human Rights: UNGP), ปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (The International Labor Organization Declaration onFundamental Principles and Rights at Work) มาปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจในด้านสิทธิมนุษยชน
  3. ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่ธุรกิจตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ
  4. สนับสนุนให้มีการสื่อสาร เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน และนโยบายสิทธิมนุษยชนแก่ผู้มีส่วนได้เสีย ผ่านช่องทางการสื่อสารของบริษัทฯ
  5. กำหนดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบดูแล ติดตามตรวจสอบ ประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกำหนดแนวทางหรือมาตรการในการบริหารจัดการความเสี่ยง และจัดให้มีกระบวนการบรรเทา หรือเยียวยาผลกระทบที่เหมาะสมในกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  6. เปิดโอกาสให้พนักงานและผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงความคิดเห็น แจ้งเบาะแส ปัญหา หรือ ข้อร้องเรียน หากมีการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยบริษัทฯจะให้ความเป็นธรรมและปกป้องผู้รายงานเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
  7. กำหนดให้มีคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและพิจารณาความผิดกับบุคคลที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน และจะถูกลงโทษตามกฎระเบียบข้อบังคับของบริษัทฯหากตรวจสอบอย่างครบถ้วนแล้วว่าเป็นผู้กระทำความผิด และในกรณีที่การกระทำดังกล่าวเป็นการเรื่องที่ผิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
  8. กำหนดให้มีการรักษามาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บและการเจ็บป่วยที่เกิดจากการปฏิบัติงาน
  9. กำหนดให้มีการรายงานผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน ผ่านทางรายงานการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน รายงานความยั่งยืน และเว็บไซต์การพัฒนาความยั่งยืนของบริษัทฯ
กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน  
         บริษัทฯ ได้จัดทำกระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน โดยอ้างอิงตามแนวทางของ UN Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGP) เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
การกำหนดขอบเขตการตรวจสอบ
          บริษัทฯ กำหนดขอบเขตการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การปฏิบัติงาน, การจัดหาวัตถุดิบ, การขนส่ง, การบริหารลูกค้า และ การสร้างผลกระทบต่อชุมชน ดังนี้
สิทธิแรงงานต่อพนักงาน
สิทธิด้านชุมชนรอบกิจการ
สิทธิลูกค้า
การระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง
          บริษัทฯ ทบทวนประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ทั้งกิจกรรมทางตรงที่บริษัทฯ ดำเนินการเอง และทางอ้อมผ่านการดำเนินการของคู่ค้า ผู้รับเหมา หรือบริษัทร่วมค้า ซึ่งอาจก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงทบทวนแนวโน้มประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันในตลาดโลก แล้วนำมาจัดเป็นกลุ่มหัวข้อที่ใกล้เคียงกันเพื่อจัดทำและปรับปรุงรายการตรวจสอบประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และมอบหมายให้ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมระบุและประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน โดยแบ่งได้ตามหัวข้อดังนี้
การเลือกปฏิบัติ
สุขภาพและความปลอดภัย
มาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิตของชุมชน
การเข้าถึงน้ำ และสุขาภิบาล
การได้มาซึ่งที่ดิน
ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
สภาพการจ้างงาน
เสรีภาพในการสมาคมและเจรจาต่อรอง
การจ้างแรงงานที่ผิดกฏหมาย (แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ แรงงานข้ามชาติ)
การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
          บริษัทฯ นำประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่ระบุจากการใช้รายการตรวจสอบประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ มาประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน โดยใช้เมทริกซ์การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Risk Assessment Matrix) ซึ่งพิจารณาเกณฑ์ระดับผลกระทบ และเกณฑ์ระดับโอกาสที่จะเกิดขึ้น ของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนแต่ละประเด็น โดยระดับความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนจากการประเมินแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ระดับความเสี่ยงต่ำมาก ต่ำ ปานกลาง สูง และสูงมาก



การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
          บริษัทฯ กำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามและทบทวนมาตรการลดและควบคุมผลกระทบเชิงลบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในทุกประเด็นที่ได้ดำเนินการแล้ว เช่น จำนวนข้อร้องเรียนที่ได้รับและสถานการณ์แก้ไข เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนแต่ละประเด็นได้ถูกแก้ไขและป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เนื่องจากประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอาจมีการเปลี่ยนแปลงไป ตามการเปลี่ยนแปลงของกิจกรรมทางธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสีย ดังนั้นบริษัทฯ จะดำเนินการทบทวนการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การระบุและประเมินความความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และมาตรการบรรเทาและป้องกันผลกระทบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงจัดให้มีช่องทางรับข้อร้องเรียนสำหรับพนักงานและผู้มีส่วนได้เสีย ในกรณีที่มีเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อนำมาทบทวนปรับปรุงแก้ไขและสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอยู่เสมอ
         จากผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในปี 2566 พบว่า บริษัทไม่มีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และจะดำเนินการทบทวนวิธี/แนวทางในการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่มเติมในปี 2567
 

การปฎิบัติต่อพนักงานและแรงงาน      
         
      บริษัทฯ ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการเคารพสิทธิมนุษยชนด้วยความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันโดยคำนึงถึงศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ และเสรีภาพของบุคคล และไม่แบ่งแยกความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ สัญชาติ สีผิว เพศ อายุ ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ชนชั้น ความพิการ สถานภาพการสมรส สถานภาพทางกายภาพและสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางสังคม การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมือง และอื่นๆ ตามหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งต้องปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด


 

ความรับผิดชอบต่อลูกค้า
 
           บริษัท ให้ความสำคัญกับการตอบสนองความคาดหวังของลูกค้า มีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ติดต่อสื่อสารให้บริการอย่างใกล้ชิด เพิ่อเข้าในลูกค้าในกลุ่มต่างๆ พร้อมปรับตัวเพื่อผลิตสินค้าที่ทันสมัย ตามความต้องการตลาด คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ นำเสนอขายเพื่อเพิ่มศักยภาพสินค้าของบริษัทฯ บริหารความพึงพอใจของลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทฯ
 
แนวทางการดำเนินงาน
  • ยึดมั่น ในการดำเนินงานส่งมอบสินค้าด้วยความซื่อตรงโปร่งใส ปฏิบัติต่อลูกค้าทุกรายด้วยความเท่าเทียมกัน
  • ผลิตส่งมอบ และให้บริการด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานตรงตามความต้องการหรือสูงกว่าความคาดหมายของลูกค้าในราคาที่เป็นธรรม
  • เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า และบริการ ไม่นำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด อันเป็นเหตุให้ลูกค้าสับสน หรือรับข้อมูลที่ผดเกี่ยวคุณภาพ ปริมาณ หรือเงื่่อนไขใดๆ ของสินค้า หรือบริการนั้นๆ
  • จัดให้มีหน่วยงาน ระบบ หรือกระบวนการปฏิบัติงานในการรับฟังข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น หรือข้อร้องเรียบเกี่ยวกับตัวสินค้า หรือการบริการอื่นๆ โดยบริษัทฯ จะนำเรื่องราวดังกล่าวไปพิจารณาปรับปรุง และดำเนินการแก้ไขอย่างรวดเร็วภายในเวลาที่สมควร
  • รักษาความลับของลูกค้า โดยไม่นำไปเผยแพร่หรือใช้เพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ หรือบุคคลอื่นโดยมิชอบ
  • สร้างความสัมพันธ์อันดี และแสวงหาแนวทางที่่จะเพิ่มประโยชน์ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
แผนบริหารและพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า      
วัตถุประสงค์
            เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง บริษัทได้จัดทำแผนการทำงานเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดให้มีการแสดงผลความพึงพอใจในด้านคุณภาพสินค้า บริการของบุคลาการบริษัท และกระบวนการจัดส่งสินค้า
1. ด้านคุณภาพสินค้า
  • โรงงานผลิตสินค้าตรงตามข้อกำหนดของบริษัทและของลูกค้า
  • มีการทบทวนข้อกำหนดของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ
  • มีขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพสินค้าตรงตามข้อกำหนด ก่อนจัดส่งลูกค้าทุกครั้ง
  • มีการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยทีมงานฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) 
2การบริการและคุณภาพของบุคลากรบริษัท
           การให้บริการเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อคุณภาพของการบริการ เพราะผู้ให้บริการมีปฏิสัมพันธ์ต่อผู้รับบริการโดยตรง ดังนั้น ควรให้ความสำคัญในการบริหารบุคลากรให้เป็นผู้ที่มีลักษณะที่เหมาะสมในการให้บริการ ดังนี้
  • ด้านบุคลิกภาพ แต่งกายเรียบร้อย มีความสุภาพ และมารยาท ยกย่องให้เกียรติลูกค้า
  • จัดอบรมพนักงาน เพื่อพัฒนาความรู้ในเรื่องของคุณภาพสินค้า และเทคนิคในการขายเพื่อเสริมสร้างทักษะของพนักงานให้เกิดความก้าวหน้า
  • มีการให้ข้อมูลด้านการตลาด สถานการณ์ยาง ราคา กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
  • ให้คำปรึกษาเบื้องต้นทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการใช้สินค้า ในกรณีที่ลูกค้าพบปัญหา
  • มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกันการใช้งาน
3. กระบวนการจัดส่งสินค้า
  • อบรมพนักงานส่งของให้แต่งกายสุภาพเรียบร้อย และพูดจาอย่างสุภาพกับลูกค้า
  • ยืนยันตารางการจัดส่งสินค้ากับลูกค้า ก่อนทำการส่งสินค้า
  • ตรวจสอบสินค้า และเอกสารให้ถูกต้อง ก่อนการจัดส่งสินค้า
  • จัดส่งสินค้าให้ตรงต่อเวลา
  • มีการจัดตารางงานและการเตรียมความพร้อมของรถขนส่ง
  • เตรียมรถบริการขนส่งให้เพียงพอต่อความต้องการขนส่งในแต่ละรอบ
4. การบริหารการจัดการข้อร้องเรียน
  • เมื่อได้รับข้อร้องเรียนจากลูกค้า ฝ่ายการตลาดและขาย ทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น
  • ทำใบคำร้องเรียนลูกค้า โดยระบุรายละเอียดต่างๆ
  • ส่งใบคำร้องเรียนลูกค้าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการหาสาเหตุของปัญหาดังกล่าว รวมถึงการป้องกันการเกิดซ้ำของปัญหา ระบุในใบคำร้องเรียนลูกค้า
  • หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งใบคำร้องเรียนลูกค้า กลับให้ฝ่ายการตลาดและขายให้เสร็จสิ้นภายใน 5 วันทำการ
  • ฝ่ายการตลาดและขาย ดำเนินการแจ้งกลับให้ลูกค้ารับทราบภายในทันที
          เพื่อเฝ้าติดตามและวัดผลความพึงพอใจของลูกค้า บริษัทได้จัดทำแบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเป็นประจำทุกปี และมีการกำหนดเกณฑ์เป้าหมายความพึงพอใจในแต่ละปี
          ทั้งนี้บริษัทมีการสรุปผลการสำรวจความพึงพอใจและข้อเสนอแนะของลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงสินค้าและบริการของบริษัทและสร้างความพึงพอใจใหักับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

สรุปแบบสำรวจความพึงพอใจประจำปี 2564, 2565, 2566
ลูกค้าในประเทศ
ปีที่สำรวจ เป้าหมาย ผลการดำเนินงาน
2564 80% 90%
2565 80% 88%
2566 80% 91%
 
ลูกค้าต่างประเทศ
ปีที่สำรวจ เป้าหมาย ผลการดำเนินงาน
2564 90% 91%
2565 90% 90%
2566 90% 90%